ว่าจะบันทึกเรื่องราวสำคัญของลูกสาวบ้าพลังตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แต่ก็เพิ่งจะมีเรี่ยวแรงในการพิมพ์ก็คืนนี้นี่ล่ะ ที่จริงก็หมดแรงจะพิมพ์แล้วแต่ก็ต้องรีบทำ ก่อนที่จะลืมซะหมด
เริ่มจากรูปแอ๊ปเปิ้ลครัมเบิ้ลกับทิรามิสุที่เราทำคราวที่แล้ว ถ่ายรุปไว้นานแล้วแต่เพิ่งจะเอาลงคอมวันนี้เอง
เมื่อคืนวันศุกร์ที่แล้ว 8 ตุลาคม 2010 เราเล่นกับ Ophelia อยู่ เราจับ she นอนคว่ำเพื่อจะให้ she หัดคลาน แต่ she ก็ยังคลานไม่ได้หรอก เพราะยังไม่แข็งแรงพอ นี่แค่ 4 เดือนเอง แต่เราก็เห็น she พยายามตะเกียกตะกายที่จะยันตัวขึ้นจากพื้น ตอนนี้ she ทำได้ดีกว่าแต่ก่อนมาก คือยันช่วงศีรษะถึงไหล่สูงจากพื้นได้นานและสูงขึ้น แล้วอยู่ดีๆ she ก็พลิกตัวเองจากคว่ำเป็นนอนหงายได้เอง เราเห็นแล้วดีใจมาก รีบตะโกนเรียกอิตาหมอมาดูลูก พอ she นอนหงายได้สำเร็จ she ก็นอนแผ่หลามองดูโมบายอย่างงงๆ คงกำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้ยังนอนคว่ำอยู่เลย ตอนนี้มาเห็นโมบายได้ไง เอิ๊กๆ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่มัลดิฟส์พลิกตัวเองได้ เราดีใจมากที่ได้เห็นพัฒนาการของลูกอีกขั้นนึง
วันหยุดที่ผ่านมาเป็นวันหยุดยาวของแคนนาดา ตั้งแต่วันเสาร์ถึงวันจันทร์เพราะวันอาทิตย์เป็นวันขอบคุณพระเจ้า ทางครอบครัวของ he นัดเจอกันที่บ้านพักตากอากาศของครอบครัว เรานะ รู้ชะตากรรมเลยว่าจะต้องได้ไปเดินป่าอีกแล้ว แง๊ เมื่อวันศุกร์ he ไม่รับนัดคนไข้ แต่ต้องไปคลีนิคเพราะต้องไปทำงานเอกสารให้เสร็จ ก็พวกผลเลือดผลตรวจของคนไข้นั่นแหละ he เลยกลับบ้านไว กลับมาบ้านก็พาเราไปช็อปปิ้งในเมือง รู้สึกแปลกๆ ทำไมวันนี้ใจดีจังฟะ ปกติไปเดินในเมืองจะต้องรีบๆซื้อรีบๆกลับ เพราะ he ไม่ชอบคนเยอะ แต่วันนี้เดินตามจ่ายตังค์แบบไม่บ่นซักคำ เราเลือกของนานมาก ลองนั่นนู่นนี่ก็หลายชั่วโมงอยู่ แต่ก็ไม่บ่น เราได้ของมาเยอะเลย กางเกงยีนส์ลีวายสามตัว เสื้อสเวทเตอร์ guess สองตัว เสื้อโค้ทกันหนาว northface รองเท้าบู๊ท Aldo แล้วก็ได้ของๆ Ophelia มาด้วย แค่นี้คงพอใส่ถึงช่วงก่อนเรากลับไทยแล้วล่ะ
แล้วก็พาไปซื้อของกินของใช้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ก่อนกลับมีการโทรเรียกแม๊กซ์กับเอลีนมา dinner กันที่ร้านอาหารไทยที่ดังที่สุดในเมืองชื่อร้านเจ้าพระยาอีกด้วยนะ วันนี้ทำไม he อารมณ์ดีผิดปกติฟะ ต้องมีอะไรแน่ๆเลยอ่ะ
พอเช้าวันเสาร์ เรารู้แระ ทำไมมาเอาใจเราแปลกๆ ชิชิ เริ่มจากวันเสาร์ he นัดเกต้าเพื่อนรักไปเดินเขาที่ he เคยพาเราไปเดินมาสี่ชั่วโมงเมื่อคราวที่แล้ว แล้วเรากริ้วมากจนเหวี่ยงใส่ไปว่าอย่าพามาอีกนะ เกินไปสำหรับเรา คราวนี้เลยเอาใจเราเป็นพิเศษเพื่อที่เราจะได้ไม่บ่น อ่ะนะ เอาเป็นว่ายอมไปอีกซักครั้งละกัน ไหนๆก้อได้ของที่เราอยากได้เยอะแล้วนี่ แต่ยังไม่จบแค่นั้นคร๊า วันอาทิตย์ไปเดินป่าต่อที่บ้านพักตากอากาศ วันจันทร์ต่อด้วยเขาอีกหนึ่งลูก แอร๊ยยยยยย คุ้มมั้ยฟะเนี่ย เหนื่อยค่อดๆง่ะ
อะไรกันหนักกันหนาฟะเนี่ย ชีวิตกุไฮโซตลอด ต้องเดินในที่สูงเท่านั้น ชิชิ แง่มมมม เห็นเราเป็นแพนด้ารึไงฟะเนี่ย พาเข้าป่าเรื่อย
แต่ก็เห็นอะไรแปลกๆเยอะเหมือนกันนะ เจอนกหัวขวานกำลังเจาะต้นไม้อยู่ เลยถ่าย vdo คลิปมา เคยเห็นแต่ในการ์ตูนวันนี้มาเห็นของจริงแบบธรรมชาติ แล้วก็ไปเจอแม่บ้านกลุ่มนึง เข็นรถเข็นลูกเดินขึ้นเขาก็เหนื่อยจะแย่แล้ว แต่พวก she ยังสามารถเดินไปออกกำลังกายไปได้ด้วยอ่ะ พวกหล่อนหายใจทางเหงือกรึไงฟระคะ คนที่นี่มันบ้าพลังกันจริงๆ
สรุปว่าพอหมดช่วงวันหยุด เราสลบไปสองวันเลย ไม่ได้เปิดคอม ไม่มีแรงทำอาหาร วันๆเลี้ยงลูกกับนอนอย่างเดียวเลย มันรู้สึกล้าไปหมดทั้งตัวอ่ะ
จบเรื่องชีวิตไฮโซบนที่สูงดีกว่า บ่นไปก็เท่านั้น อีกหน่อยเราคงลงแข่งมาราธอนโอลิมปิคได้แน่นอนเลย งุงิ
ถึง he จะบ้าๆ แต่ก็ยังมีความน่ารักอยู่มั่งเหมือนกันนะ he จะพาไปเที่ยวนิวยอร์คเดือนหน้า วันที่ 26 พศจิกา เพราะเป็นวันขอบคุณพระเจ้าของทางเมกาเค้า แล้วทางนั้นจะเริ่มประดับไฟคริสต์มาสแล้ว เลยจะพาไปเที่ยว แต่ปัญหาคือเราต้องขอวีซ่าเมกา แง่มมมมเบื่อจริงกับการขอวีซ่าประเทศบ้าเนี่ย อะไรกับกุนักหนาฟระ เบื่อตั้งแต่กรอกแบบฟอร์มขอวีซ่าทางเน็ทแล้วอ่ะ เจอคำถามโง่ๆอีกแล้ว ถามเราว่ารู้จักใครที่เมกามั้ย เราก็ตอบว่าไม่มี พอหน้าต่อไปถามต่อว่า ไปเมกาไปหาใครให้ใส่ชื่อนามสกุล หรือชื่อองค์กรที่จะไปหา เอ๊ะ ไม่เข้าใจเหรอว่าไม่มีใครรู้จักให้ไปหา ไม่มีองค์กรไหนจะให้ไปสมัครเข้าร่วม แต่พอเราไม่ตอบชื่อนามสกุลในช่องว่างนั้นๆ ระบบก็ไม่ยอมให้เรากรอกแบบฟอร์มหน้าต่อไป สรุปคือต้องตอบ มรึงบ้ารึกุโง่กันแน่ฟระคะ ก็ไม่มีคนรู้จักจะให้เขียนชื่อใครฟระ อยากให้เขียนนักก็ด๊ายยยย จัดให้ บารัค โอบาม่า ซะเลย เรารู้จัก he แต่ไม่รู้ he รู้จักเรารึป่าวนะ หุหุ แง่มเอ๊ย แบบฟอร์มปัญญาอ่อน ใครคิดคำถามฟะเนี่ย พอเขียนไป ก็ทำหน้าต่อไปได้ หุหุ เอาดิคนบ้าต้องเจอคนบ้ากว่าโว้ยยยย โฮะๆ แล้วมันจะให้วีซ่าเรามั้ยเนี่ย ไม่ให้ก็จะสะบัดบ๊อบใส่ ชิชิ ไม่มีวีซ่าเมกาก็ไม่ตายเฟ้ย ไม่ได้มีกิจการหรือธุระสำคัญที่นั่น รอได้พาสปอร์ตแคนนาเดี่ยนก่อนเหอะ จะวิ่งไปวิ่งมาตรงเขตรอยต่อชายแดนให้ดู ชิ กรอกแบบฟอร์มเสร็จก็ต้องทำนัดสัมภาษณ์ผ่านเว็ปไซท์อีก แต่เรายังไม่ได้ทำ เพราะขี้เกียจเกิ๊น ไว้ค่อยทำวันหลัง ต้องรอรมณ์ดีๆก่อน เพราะอาจเจออะไรงี่เง่าได้อีกในเว็ปไซท์ทำนัดสัมภาษณ์ ค่าวีซ่า 140 เหรียญ แพงได้อีก แล้วยังไม่รู้ว่าจะให้หรือไม่ให้อีกตะหาก ทำไมแคนนาดาไม่ไปติดกับประเทศทางยุโรปมั่งฟระ น่าเที่ยวกว่าเยอะเลยอ่ะ
"เดินอย่างเดียว เหนื่อยจะตายห่าอยู่แล้วเนี่ย" กร๊ากกกกกกก ได้อารมณ์มากเลยพี่ก้อย
คือแบบเข้าใจเลยการเดินเขานี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ เหนื่อยแทน รี่เดินไม่ไหวแหงๆ
แต่รี่ว่าป่าเค้าสวยดี ใบไม้เหลืองๆแดงๆ เห็นแล้วชื่นใจ น่าถ่ายรูป
คราวหน้าคุณหมอพาไปช็อป พี่ก้อยต้องช็อปหนักๆเลย เพราะวันต่อๆไป เข้าป่าแน่นอน 555
นิวยอร์ค เป็นเมืองที่รี่อยากไปมากที่สุดในโลกเลยค่ะ รี่ชอบเมืองใหญ่ๆ ตึกเยอะๆ กลางคืนไฟสวย
Posted by: Account Deleted | 10/14/2010 at 02:16 ก่อนเที่ยง
คุณหมอช่างเอาใจนะคะ ... มีข้อแลกเปลี่ยนนี่เอง แต่เดินกันแบบนี้ติ๋วนับถืออะคะ การเดินเที่ยว คงเป็นการพักผ่อนยอดฮิตของที่นี่เลยเนอะพี่ก้อย หุ หุ กลับไทยคราวนี้หุ่นเพรียวแน่ ๆ คะ
Posted by: TewJaa | 10/14/2010 at 02:19 ก่อนเที่ยง
พี่ก้อยหนูตู่รู้ว่าพี่ก้อยเหนื่อยจริงๆงะ ฟังจากเสียงแล้วนะ ฮิๆๆ
ว่าแต่พวกแม่บ้านนนั้นเขาเป็นอะไรกันงะ หรือว่าเดินมากๆ เลยต้อง พักออกกำลัง ไม่งั้นเดี๋ยวช็อค ปะ ฮิๆๆ
เหมือนเดินขึ้นภูกระดึงปะพี่ก้อย ถ้าเหมือนต่อไปพี่ก้อยแข็งแรงแน่ๆๆ
Posted by: Account Deleted | 10/17/2010 at 10:10 หลังเที่ยง